สันหลังมังกร มหัศจรรย์ อันดามัน ทะเลตรัง

สันหลังมังกร มหัศจรรย์ อันดามัน ทะเลตรัง

สันหลังมังกร มหัศจรรย์ อันดามัน ทะเลตรัง ราวมังกรแหวกว่ายสายธารา ทอดกายา กลางมหาชลาศัย สนานคลื่นบันเทิงร่าเริงใจ “สันหลังมังกร”ใหญ่โผล่ให้ชม ……….“สันหลังมังกร” (Dragon Beach) สันหาดทรายคล้ายทะเลแหวกกลาง ทะเล มองเห็นเกลียวคลื่นพัดพลิ้วราวสันหลังมังกร กำลังแหวกว่ายน้ำทะเล เริ่มหัวมังกรจากเกาะหนึ่งไปยังอีกเกาะหนึ่ง สามารถเห็นได้เพียงวันละ 2 ครั้ง น่าอัศจรรย์ Unseen อย่างยิ่ง ที่สามารถมองเห็นสันหลังมังกรได้ ...........ระดับน้ำที่ค่อยๆ ลดลง เริ่มมองเห็นเกลียวคลื่นที่ทอดยาวที่คดโค้งไปมากลางทะเล คล้ายกับมีมังกรตัวใหญ่กำลังเคลื่อนไหวใต้ผิวน้ำ ไม่นานปรากฏการณ์ธรรมชาติก็เฉลยให้ได้รับรู้ถึงที่มาของคลื่นเหล่านั้น เมื่อสันดอนทรายใต้ผิวน้ำค่อยๆ โผล่ขึ้น คือสันดอนทรายที่ทอดยาวอยู่กลางทะเล เป็นภาพประทับใจ

ความสวยงาม แปลกตาของสันเนินทราย ที่ธรรมชาตินำเม็ดกรวดทราย เปลือกหอย ดินโคลน มาปั้นแต่งมีลักษณะรวมกันเป็นเนินกองทอดไปตามยาวจากหัวเกาะ ยื่นเป็นสันกว้างและทอดสู่กลางทะเล ยามน้ำลด เป็นความมหัศจรรย์มีลักษณะเหมือน “สันหลังมังกร” ทีโลดแล่นโล้คลื่นอยู่กลางทะเล…เป็นความมหัศจรรย์กลางทะเลที่สามารถเที่ยวได้เดือนละ 2 ครั้ง ช่วงข้างขึ้น และแรม 13 ค่ำ- 5ค่ำ ในเวลา ในเวลาน้ำลง โดยที่สันหลังมังกร ดังกล่าวจะปรากฏโผล่ ……ทะเลตรัง มีสันหลังมังกร ให้เห็น ถึง 6 ตัว ...........สันหลังมังกรทั้ง 6 ตัว มีลักษณะความสวยงาม ความโดดเด่นและความมหัศจรรย์ ที่ธรรมชาติเสกสรรมาให้อย่างแตกต่าง และลงตัวในแต่ละแห่ง แยกเป็น

1. สันหลังมังกรเหลือง มีลักษณะเป็นสันทรายทอดยาวมองเห็นจากเกาะสะบัน อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล มายังทะเลตรัง ความยาวประมาณ 1.5 กม. ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 2 บ้านหยงสตาร์ ตำบลท่าข้าม อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง 2. สันหลังมังกรเกล็ดทองคำ มีลักษณะเป็นสันเปลือกหอยน้อยใหญ่ โผล่กลางทะเลสีเหลืองอร่ามคล้ายทอง ความแปลกที่คิดว่าจะเป็นเนินทราย แต่เป็นเนินที่เต็มไปด้วยเปลือกหอยทั้งเล็กและใหญ่มีความสวยงามมากเมื่อผิว ของสันหลังมังกรกระทบกับแสงตะวัน ยามเช้าและยามพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบน้ำ แสงจะสาดส่องเป็นสีระยิบระยับสวยงามมาก มีความยาวประมาณ 2 กม. ตั้งอยู่ในหมู่ 4 บ้านทุ่งรวงทอง ตำบลท่าข้าม อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง

3. สันหลังมังกรนิล ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลหาดสำราญ น้ำจากชายฝั่งประกอบไปด้วยบรรดาโคลน ดินดำจากวัชพืช จะถูกน้ำพัดปกคลุมผสมกับทรายและเปลือกหอย ทำให้มีลักษณะสีสันที่แปลกเมื่อพระอาทิตย์สาดส่อง จะมองเห็นสีนิล จึงตั้งชื่อเป็น ตัวสันหลังมังกรนิล มีความยาวกว่า 4 กม. ตั้งอยู่ในพื้นที่ 4 บ้านตะเสะ ตำบลตะเสะ อำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง 4. สันหลังมังกรหยก เป็นการผสมกันอย่างลงตัวระหว่างทรายเปลือกหอย และโคลน ปรากฏเป็นสันเนิน เส้นทางคดเคี้ยวเลี้ยววกเมื่อกระทบแสงอาทิตย์จะมองเห็นเป็นสีหยกเขียว มีความยาวกว่า 3 กม ตั้งอยู่หมู่ 1 บ้านเสียมไหม ตำบลเกาะสุกร อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง

5. สันหลังมังกรทับทิมสยาม “ราชาสันหลังมังกรแห่งท้องทะเลอันดามัน” เป็นตัวที่มีสันหลังมังกรทั้งยาวและใหญ่ที่สุด อาจจะกล่าวได้ว่ายาวและใหญ่ที่สุดในโลก คือมีความยาวกว่า 5 กม.และกว้างกว่า 700 เมตร และที่สำคัญมีบริเวณพื้นของสันหลังมังกรหรือสันทราย นอกจากจะเต็มไปด้วยทรายแล้ว ยังมีปูชนิดหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกว่าปูแดงขนาดเล็กนับล้านตัว คลานต้วมเตี้ยมเต็มบนเนินทราย ทำให้เป็นความมหัศจรรย์ที่คนที่ได้เข้าสัมผัสจะพบกับสิ่งมหัศจรรย์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 4 บ้านหาดทรายทอง ตำบลเกาะสุกร อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง

6. “สันหลังมังกรเผือก” มีลักษณะเป็นสันเนินทรายทอดยาวจากหัวเกาะบ้านมดตะนอยเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 1 กม. จะโผล่ขึ้นยามน้ำลด ลำตัวเป็นสันทรายสีขาว ชมพู และเทา เหมือนผิวช้างเผือก ทอดยาวความยาวกว่า 3 กม. ขาจะกางออกเหมือนมังกรจีน เมื่อโล้คลื่นและแสงอาทิตย์สาดส่องมองเห็นเหมือนมังกรสีเผือกแหวกว่ายอยู่ กลางทะเล บางช่วงเนินสันหลังเมื่อได้รับการสัมผัสกับเท้า จะรู้สึกถึงความลุ่มลึกเหมือนผิวหิมะอีกด้วย” ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 3 บ้านมดตะนอย ตำบลเกาะลิบง อำเถอกันตัง จังหวัดตรัง ………..“ลักษณะสันหลังมังกรแต่ละตัวอย่างน้อยต้องมีความยาวไม่ต่ำกว่า 1 กม. เป็นสันทรายที่อยู่กลางทะเลที่ถูกกระแสคลื่นซัดของ 2 ฝั่งของตัวสัน และจะมีเกาะ ไม่ว่าจะเป็นเกาะเล็ก หรือเกาะใหญ่ เป็นหัวมังกร และมีสันหลังเปรียบเสมือนตัวมังกร พญานาคใหญ่ หรืองูใหญ่เลื้อยอยู่กลางทะเลยามน้ำทะเลลดจะแตกต่างกับทะเลแหวกที่มีความยาว ที่สั้นกว่าและไม่มีหัว”

เครดิตข้อมูลจากhttps://www.facebook.com/groups/721466051201182/permalink/1223736427640806/