ตำนานถ้ำเลเขากอบ อำเภอห้วยยอด

ตำนานถ้ำเลเขากอบ อำเภอห้วยยอด

ว่ากันว่า... “กอบ กอบ” ...ว่ากันว่าในอดีต..เสียงนี้คือเสียงนกหงส์ที่คอยปลุกผู้คนที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์รอบๆ บริเวณภูเขาลูกเล็กๆ ลูกหนึ่ง ให้ลุกขึ้นเพื่อดำเนินชีวิตไปตามวิถีทางของการดำรงอยู่ และสืบเนื่องจากความผูกพัน ความสัมพันธ์และความคุ้นเคย เสียงนี้จึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของการบันทึกเรื่องราวจนเป็นที่รู้จักในนาม “เขากอบ” ตำบลเล็กๆ ตำบลหนึ่งของอำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง

ปัจจุบัน...แม้นกตัวนั้นจะไม่ได้ส่งเสียงให้ผู้คนที่อยู่บริเวณผืนแผ่นดินแห่งนี้และผู้ที่มาเยือนได้ฟังเสียง แต่ร่องรอยยังคงเหลืออยู่ในหมู่ผู้คนอันงดงามในชุมชนนี้ จนสามารถบ่องบอกความเป็น”เขากอบ”ได้ทั้งในช่วงก่อนและปัจจุบัน ตลอดจนสามารถมองไปยังอนาคตได้เป็นอย่างดี

เขากอบมาจากไหน? หลายคนยังคงสงสัยกับความหมายของคำว่า “เขากอบ” เราก็เป็นหนึ่งในนั้น ในตอนแรกเราคิดว่า อาจจะมาชื่อคน หรือชื่อภูเขา แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ยายบอกว่า “เขากอบ” นั้นเป็นชื่อที่ได้มาจากการเลียนเสียงร้องของนกหงส์ ซึ่งเป็นนกตระกูลห่าน เวลาส่งเสียงร้องจะฟังออกเป็น “เขากอบ เขากอบ” หรือ “กอบ กอบ” นกชนิดนี้ชอบอาศัยอยู่แถบป่าดงดิบใกล้ที่มีหนองน้ำ และจะส่งเสียงร้องอย่างร่าเริงตลอดวัน

แต่ก่อนหน้านั้นตำบลเขากอบยังมีภูเขาคล้ายคลึงกันอีกสี่ลูก เพื่อไม่ให้สับสนเวลาพูดถึง ชาวบ้านเลยเรียกภูเขานี้ว่า เขากอบ ตามเสียงนกหงส์ที่ร้องนั้นเอง แต่มาระยะหลังๆ ชาวบ้าน มาตั้งหลักปักฐานทำมาหากินมากขึ้น จึงพัฒนาเป็นหมู่บ้านเขากอบ จนกระทั่งกลายเป็น ตำบลเขากอบ อย่างทุกวันนี้

ตำนานถ้ำเล... “ถ้ำเล” เป็นชื่อที่หลายๆคนในปัจจุบันคุ้นหูกันดี เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดตรังที่ดังระดับโลกเลยทีเดียวก็ว่าได้ ลักษณะเด่น คือ แม่น้ำล้อมรอบภูเขาลูกโดดๆและที่สำคัญ ยังมีถ้ำ ต่างๆมากมายให้น่าค้นหาอยู่ภายใน..แต่ใครจะรู้บ้างว่า ถ้ำเลนั้นมีที่มากันอย่างไร เราเกิดความสงสัย แล้วยายก็เล่าให้ฟังพร้อมๆกันว่า...

...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าฟ้าองค์หนึ่งชื่อว่า พญากอบ เป็นบุตรท้าวภุชงค์ราชานาคราช ผู้มีบุญญาธิการและมีความเชี่ยวชาญในทุกๆ ด้านจนพญานาคทั้งเมืองบาดาลต้องสยบ เพราอำนาจบารมีของพญากอบมีรูปร่างที่ใหญ่มาก กายยาวประมาณ 1 โยขน์ มีเกล็ดขาวดังไข่มุก นัยน์ตาสุกแดง

ครั้นเมื่อท่านโตขึ้นก็ได้เดินทางท่องเที่ยวไปในสถานที่ ต่างๆ ตามประสาวัยรุ่น จนกระทั่งได้พบรักกับนางศรีขัน ทั้งสองจึงตกลงปลงใจอยู่ด้วยกัน ไม่นานนักนางศรีขันก็ตั้งครรภ์ พญากอบพยายามหาที่อยู่มีภูมิทัศน์งดงามและปลอดภัยให้กับนางศรีขันเพื่อรอคลอดบุตร และที่นั่นก็คือ”ถ้ำเลเขากอบ”ในปัจจุบัน

โดยพญากอบได้ใช้อิทธิฤทธิ์ของตนเผาผลาญเจาะหินจนเป็นถ้ำที่มีน้ำไหลผ่าน ภายในถ้ำเต็มไปด้วยอัญมณีและมีสัตว์ต่างๆ อาศัยอยู่มากมายหลายชนิด รวมทั้งหินงอกหินย้อยงดงามเหมือนมีชีวิตเป็นรูปทรงต่างๆสวยดังมรกตหยดน้ำและเมื่อพญากอบหาที่พักให้กับนางศรีขันได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อยักษ์หูแกง บิดานางศรีขันได้ตามหาจนพบ ขณะทั้งสองกำลังพลอดรักกันอยู่ในถ้ำยักษ์หูแกงไม่พอใจมากคิดจะฆ่าพญากอบซึ่งเป็นลูกเขย โดยใช้ไฟพ่นใส่ โชคดีที่พญากอบหลบหลีกได้ทัน ทำให้ลูกไฟที่พ่นออกมาไปถูกภูเขาจึงเกิดเป็น”เขาหัวแตก”ขึ้น

ส่วนนางศรีขันตกใจกลัวในการต่อสู้ จึงหนีขึ้นไปอยู่บนหน้าผาเพื่อเฝ้ารอคอยผู้เป็นสามี จนได้ชื่อว่า “ผานางคอย” ทางด้านพญากอบต้องการที่จะแก้แค้นยักษ์หูแกง แต่พอรู้ว่าเป็นพ่อตาของตัวเองก็หนีไปไม่กล้าทำร้าย โดยพญากอบจะซ่อนตัวทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้ยักษ์หูแกงตามหาใด หินพบ ไม่นานหลังจากนั้นนางศรีขันก็ได้คลอดบุตรออกมาจำนวนแปดหมื่นตัวซึ่งเป็นงู

ยายบอกว่าถ้าเราผ่านมาเที่ยว ถ้ำเลเขากอบ ละก็ หากเจองูก็อย่าทำร้ายเพราะงูเหล่านั้นเป็นลูกของพญากอบ และถ้าเราเจอนาคก็อย่าทำร้ายเช่นกัน เพราะนั่นหมายถึงสามีของนางศรีขัน ถ้าใครเข้าไปเที่ยวถ้ำเลแล้วได้ยินเสียงดังครืนๆ ยายบอกว่านั่นคือพญากอบกำลังแทรกพื้นแผ่นดิน แหละนี่ก็เป็นตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

ยายบอกว่า หากพญากอบกลับมาวันใด หินในถ้ำก็จะผุดสีเป็นเพชรแวววาว และถึงตอนนั้นเขากอบของเราก็จะเจริญขึ้นอีกครั้ง เหมือนกับบทประพันธ์ที่ท่านนายอำเภอนิตย์ สีห์วรางกูล ได้แต่งขึ้น ดังนี้ “ถึงวันนั้น เขากอบ จะเฟื่องฟู พญานาค คืนสู่ ในคูหา คนเมืองบา- ดาลตื่น ฟื้นชีวา เหล่าสมุน บริวาร จะบานชื่น เหมือนตื่น จากฝัน พลันสุขี หมู่พวกเรา เขากอบ จะมั่งมี จะสดศรี สุขสันต์ นิรันดร”

เราได้ฟังบทประพันธ์นี้แล้ว ก็คงต้องรอดูต่อไปว่ามันจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ยายได้ย้ำกับเราไว้ว่า “คนใดที่มีโอกาสมาเที่ยวถ้ำเล สักครั้งหนึ่ง มักจะกลับมาเยือนเป็นครั้งที่ 2,3…เหมือนดั่งต้องมนต์แห่งถ้ำเลเขากอบ”

เครดิต : http://www.thumle.com/index.php/