เขาต่อยไห อ.เมือง ณ จังหวัดตรัง

เขาต่อยไห อ.เมือง ณ จังหวัดตรัง

นายชาลี เมืองนก นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) นาท่ามใต้ อำเภอเมืองตรัง กล่าวว่า ตำบลนาท่ามใต้ มีเขาต่อยไหเป็นสัญลักษณ์ ซึ่งมีถ้ำหินงอกหินย้อยที่มีความสวยงาม และมีสัตว์ป่าต่างๆ เช่น ลิง กระรอก นก ปลาน้ำจืด อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำรอบ ได้แก่ หนองกก หนองสาย สระเขาต่อยไห และคลองต่อยไห โดยมีพื้นที่เขาและบริเวณ ประมาณ 320 ไร่ เป็นที่สาธารณะประโยชน์รวม 4 แปลง ทั้งนี้ ในช่วงฤดูฝนน้ำจากแม่น้ำตรัง คลองลำภูรา และน้ำจากตำบลนาท่ามเหนือ จะไหลเข้ามาท่วมบริเวณเขาเป็นประจำทุกปี ทำให้พื้นที่แถบนี้เป็นที่ชุ่มน้ำ และมีปลาชุกชุม

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในปัจจุบันได้มีประชาชนบุกรุกเข้าไปปลูกยางพารา ในบริเวณเขาต่อยไหเป็นเนื้อที่กว่า 100 ไร่แล้ว โดยแต่ละคนจะบุกรุกประมาณ 10 ไร่ และยางพาราในขณะนี้ก็มีอายุ 2-3 ปี ซึ่งปัญหาการบุกรุกพื้นที่สาธารณะแห่งนี้ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว และ อบต.นาท่ามใต้ ก็พยายามแก้ไขด้วยการทำความเข้าใจกับประชาชนมาโดยตลอด ซึ่งทุกคนก็เข้าใจ แต่บอกว่าจะทำกินไปก่อน และหากทางราชการจะเอาคืนเมื่อไหร่ ก็พร้อมจะคืนให้ ทั้งนี้ หากปล่อยให้ประชาชนครอบครองที่ทำกินไปนานๆ อาจจะทำให้แก้ไขปัญหาได้ยากในอนาคต จึงได้แนวคิดด้วยการนำเงินรางวัล จำนวน 1 ล้านบาท ที่ได้รับจาก การประกวด อบต.ตามหลักการบริหารจัดการที่ดี ประจำปี 2550 มาพัฒนาเขาต่อยไห ด้วยการขุดคลองให้มีขนาดกว้าง 10 เมตร และมีขนาดยาวไปตามจำนวนเงินที่มี ซึ่งคาดว่าจะได้ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร โดยประชาชนที่บุกรุกส่วนหนึ่ง ก็ได้คืนที่ดินให้แล้ว แต่ยังมีอีกบางรายที่จะต้องทำความเข้าใจกันต่อไป

สำหรับการขุดคลองดังกล่าวจะได้ประโยชน์อย่างมากถึง 3 ด้านคือ สามารถระบายน้ำในหน้าฝน กักเก็บน้ำในหน้าแล้ง และป้องกันการบุกรุก ซึ่งหากไม่รีบแก้ปัญหาการบุกรุก เชื่อว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าจะไม่เหลือพื้นที่อีกต่อไป ที่สำคัญก็คือ การที่นำเงินรางวัลมาพัฒนาพื้นที่สาธารณะ ด้วยการรักษาที่ดินของรัฐให้ตกถึงลูกหลานต่อไปนั้น ถือว่าได้ผลประโยชน์มหาศาลมากกว่าค่าเงิน 1 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ปัญหาการบุกรุกเขาต่อยไหก็ยังไม่มีทีท่าจะยุติลงง่ายๆ จนเกินความสามารถของทาง อบต.นาท่ามใต้ ที่จะป้องกันได้ ดังนั้น จึงได้ขอพระราชทานโครงการพระราชดำริดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศน์ การไหลเวียนของน้ำ และองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิตที่มีความสัมพันธ์กัน ให้มีความยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนโดยรวม ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการสำนักพระราชวัง ก็ได้เดินทางมาสำรวจพื้นที่เพื่อใช้เป็นข้อมูลแล้ว