รู้หรือไม่ สนามบิน ทุ่งหวัง เมืองตรัง ก่อตั้งขึ้น ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 2

รู้หรือไม่ สนามบิน ทุ่งหวัง เมืองตรัง ก่อตั้งขึ้น ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 2 สนามบิน ทุ่งหวัง เมืองตรัง "ท่าอากาศยานตรังได้ก่อตั้งขึ้น ก่อนสงครามโลก ครั้งที่ 2 บนที่ดินของกองทัพอากาศและที่ราชพัสดุ ซึ่งเดิมหน่วยราชการได้สงวน บริเวณที่เป็นท่าอากาศยานไว้สำหรับทำการปศุสัตว์ โดยมีชื่อว่า “ทุ่งนางหวัง” ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นได้ปรับปรุงทุ่งหญ้าดังกล่าว ให้เป็นทางวิ่งสำหรับการขึ้น-ลงชั่วคราวของอากาศยาน เพื่อการดำเนินภารกิจ ของกองทัพญี่ปุ่น ต่อมา เมื่อสงครามสิ้นสุดลงกองทัพอากาศได้ใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ขึ้น-ลง ของอากาศยานทางทหาร โดยมีชื่อเรียกว่า “สนามบินทุ่งนางหวัง” ซึ่งได้มีการปรับปรุงเรื่อยมาจนกลายเป็นสนามบินพาณิชย์ประจำจังหวัดตรัง ปี พ.ศ. 2497 กระทรวงคมนาคม ได้มีประกาศที่ 2/2497 ลงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2497 ให้สนามบินดังกล่าว เป็นสนามบินอนุญาต

ปี พ.ศ.2498 กรมการบินพาณิชย์ (เดิมมีชื่อว่าสำนักงานการบินพลเรือน และได้ยกฐานะขึ้นเป็น กรมการบินพาณิชย์ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2508) ได้ดำเนินการบูรณะสนามบิน เพื่อให้อากาศยานของบริษัทเดินอากาศไทย (บ.ด.ท.) ทำการบินรับส่ง ผู้โดยสาร สินค้า ไปรษณีย์ ระหว่าง ตรัง-กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง โดยทำการปรับปรุงทางวิ่ง ให้เป็นพื้นผิวลาดยาง-แอสฟัลต์ มีความยาว 1,175 เมตร ความกว้าง 30 เมตร และปรับทางวิ่งเผื่อขนาด 30 x 60 เมตร ทั้งสองด้านซึ่งเป็นลูกรังอัดแน่น พร้อมกับก่อสร้างอาคารสถานีการบิน ซึ่งเป็นเรือนไม้ 2 ชั้น ประกอบด้วยที่ทำการท่า อากาศยาน ที่ทำการบริษัทเดินอากาศไทย หอควบคุมจราจรทางอากาศ และสถานีสื่อสารการบินรวมอยู่ ในแห่งเดียวกัน โดย บดท.

ใช้อากาศยานแบบดาโก้ต้า (D.C.-3) ให้บริการผู้โดยสารแต่เปิดบริการได้ไม่นาน ก็จำเป็นต้องหยุดให้ดำเนินการไป แต่ยังคงมีอากาศยานของทางการทหาร ทำการบินขึ้น-ลงตลอดเวลา ปี พ.ศ. 2507 กรมการบินพาณิชย์ (สำนักงานการบินพลเรือน) ได้ดำเนินการ บูรณะซ่อมแซมทางวิ่งเพื่อให้ บดท. สามารถเปิดให้บริการผู้โดยสารได้อีกครั้ง โดยใช้เครื่องบินแบบ แอฟโร่ 748 (AVRO.-748) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทางวิ่ง ที่ใช้งานได้จริงมีขนาดน้อยกว่ามาตรฐานที่กำหนด กล่าวคือ กว้าง 20 เมตร ยาว 800 เมตร เท่านั้น ทำให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยขึ้น ดังนั้น บดท. จึงต้องหยุดดำเนินการอีกครั้ง อย่างไรก็ตามอากาศยาน ของทางการ ทหารยังคงทำการบินขึ้น- ลง ตลอดเวลาเช่นเดิม ปี พ.ศ. 2537 ได้มีการปรับปรุงท่าอากาศยานตรังอีกครั้ง เพื่อรองรับปริมาณการขนส่งทางอากาศ และจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น

ซึ่งประกอบด้วย 1. การก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ พื้นที่ประมาณ 3,000 ตารางเมตร 2. การก่อสร้างต่อเติมทางวิ่งจากเดิม 1,500 เมตร การต่อเติมความยาวทางวิ่ง ขนาด 45X 700 เมตร การขยายความกว้างทางวิ่งขนาด 2 X 7.5 X 1,400 เมตร การก่อสร้างไหล่ทางวิ่ง ทางวิ่งเผื่อขนาด 60 X 60 เมตร ทางขับขนาด 23 X 145 เมตร การขยายถนนทางเข้า และการก่อสร้างลานจอดรถยนต์ บางส่วน ปี พ.ศ. 2541 ได้ย้ายที่ทำการท่าอากาศยานมาที่อาคารที่พัก โดยสารใหม่ และได้ประกาศเป็นสนามบินศุลกากร เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2542 ปัจจุบันท่าอากาศยานตรังมีทางวิ่งยาว 2,100 เมตร กว้าง 45 เมตร สามารถรองรับอากาศยาน ขนาด 150 ที่นั่ง (B 737) ได้ มีลานจอดซึ่งสามารถรองรับอากาศยานขนาดกลางได้ 2 ลำในเวลาเดียวกัน

สำหรับในส่วนของการขยายทางวิ่งนั้น มีข้อกำหนดว่าจะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อ มีจำนวนผู้โดยสารเกินกว่าปีละ 3 แสนคน แต่เมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา ท่าอากาศยานตรัง มีจำนวนผู้โดยสารถึง 3 แสน 5 หมื่นคน และคาดว่าในปี 2556 น่าจะมีจำนวนผู้โดยสารเกิน 4 แสน 2 หมื่นคน ซึ่งมีเหตุผลเพียงพอที่จะขอขยายทางวิ่ง ตามที่เคยเสนอไปได้แล้ว เพื่อผลักดันให้ จ.ตรัง เป็นศูนย์กลางการบินในฝั่งอันดามัน อีกจุดหนึ่ง โดยเรื่องนี้ กรอ.จังหวัด ได้เห็นชอบเพื่อนำเสนอต่อ กรอ.ส่วนกลาง รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไปแล้วทั้งนี้ หากท่าอากาศยานตรัง สามารถขยายทางวิ่งได้ก็จะส่งผลต่อการเข้ามา ใช้บริการของผู้โดยในจังหวัดข้างเคียง เช่น กระบี่ นครศรีธรรมราช พัทลุง และสตูล เนื่องจากจะเดินทางมายังท่าอากาศยานตรังได้สะดวก รวมทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ อีกทั้งอาจมีเครื่องบินเช่าเหมาลำจากต่างประเทศ เช่น จีน สิงคโปร์ เข้ามาใช้บริการด้วย ส่วนสายการบินที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว

เช่น นกแอร์ ก็สนใจที่จะเพิ่มเที่ยวบินภายในประเทศ จากที่มีอยู่แล้ววันละ 2 เที่ยวบิน ขณะที่แอร์เอเชีย ก็สนใจที่จะเปิดเที่ยวบิน ตรัง-กัวลาลัมเปอร์ นายถาวร แสงอำไพ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานตรัง เปิดเผยว่า น่าเสียดายที่โครงการพัฒนาท่าอากาศยานตรังในหลายๆ เรื่อง ยังไม่ผ่านการพิจารณาในปีงบประมาณ 2557 ทำให้ต้องรอการผลักดันกันใหม่อีกครั้ง ในอีก 1 ปีข้างหน้า หรือในปีงบประมาณ 2558 ไม่ว่าจะเป็นโครงการสำรวจออกแบบ เพื่อขยายทางวิ่ง หรือรันเวย์ ด้วยงบประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ว่า ควรจะขยายทางวิ่งเพิ่มเติมไปทางฝั่งทิศทางใด และควรมีความยาวแค่ไหน รวมทั้งจะใช้งบประมาณเท่าใด และคุ้มค่าในการดำเนินการหรือไม่” สนามบินตรังตั้งอยู่ห่าง จากสนามบิน กระบี่ 96 กิโลเมตร หาดใหญ่ 108 กิโลเมตร นครศรีธรรมราช 113 กิโลเมตร ลังกาวี 130 กิโลเมตร ภูเก็ต 159 กิโลเมตร หลายคนไม่ทราบว่า เจ้าของบริษัทเดินรถระหว่าง ตรัง-ภูเก็ต พัทลุง-ภูเก็ต เป็นชาวตรังที่มองธุรกิจได้ทะลุมองเห็นเห็นอนาคต การเติบโตของการท่องเที่ยวฝั่งอันดามัน ถ้าเปิดแอร์บัสรับส่งบริการจากจุดย่อย

ถึงสนามบินตรังในละแวกใกล้เคียง กระบี่ นครศรีธรรมราช พัทลุง และสตูล มาใช้บริการ ในราคารับได้ จะต่อยอดการท่องเที่ยว 5 จังหวัด ตามฤดูกาลและเทศกาลสำคัญ เช่น ในเทศกาลถือศีลกินเจ เช้งเม้ง ของคนไทยเชื้อสายจีน งานเดือนสิบ เป็นต้น คุ้มเกินกว่าคุ้ม ครับ การเดินทางที่รวดเร็ว ประหยัดเวลา ปลอดภัย มีสายการบินราคาถูกให้เลือก บินด่วนไปทำธุรกิจ เจ็บป่วยต้องรีบไปตรวจรักษาพยาบาล ในสมัยก่อนเมื่อราคาตั๋วค่าโดยสารเครื่องบินสูงลิ่ว ทำให้ไม่เป็นที่นิยมเดินทาง จึงอาศัยรถไฟ รถทัวร์เป็นหลัก ปัจจุบัน เมืองตรังมีการขยับขยายเมืองออกไป มีห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่ง ราวกับอยู่ชานเมืองกรุงเทพฯ มีสถาบันการศึกษาเพิ่มขึ้น มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เมื่อมีการสำรวจเมืองแห่งความสุข จังหวัดตรัง ติดอยู่หนึ่งในห้า เมืองแห่งความสุข มีวิถีชีวิตเรียบง่าย อาหารการกินสมบูรณ์ แม้ต่างศาสนาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

เครดิตhttps://www.facebook.com/groups/721466051201182/permalink/1606460186035093/

ค้นหาบล็อกนี้

ณ จังหวัดตรัง

3รูปเล็ก