แฉยับ! มันเกิดอะไรขึ่นกับน้ำมัน รัฐชงตั้งบรรษัทน้ำมันฯเอง สนช.ถกเผือกร้อน พ.ร.บ.ปิโตรเลียม
แฉยับ! มันเกิดอะไรขึ่นกับน้ำมัน รัฐชงตั้งบรรษัทน้ำมันฯเอง สนช.ถกเผือกร้อน พ.ร.บ.ปิโตรเลียม
"พล.อ.สกนธ์" อ้าง ครม.เสนอตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติเอง ไม่สนใจคนค้าน เผยเพราะเป็นพวกเชียร์ทหารปฏิวัติ ยันไม่เขลาดึงทหารเป็นแกนหลัก ปัดทำร้ายชาติ
เมื่อวันที่ 30 มี.ค.60 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เป็นประธาน ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ....ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาเสร็จแล้ว
โดย พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้ชี้แจงรายงานว่า ที่ผ่านมามีความพยายามเชื่อมโยงกล่าวหาผ่านสื่อ อดีตผู้ใหญ่ก็ออกมาพูด ตนเห็นว่าภาคประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวโดยบริสุทธิ์ใจ และกล้าออกมาคัดค้านรัฐบาลทหารก็เพราะคนเหล่านี้เชียร์ทหารให้ปฏิวัติ
โดย พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้ชี้แจงรายงานว่า ที่ผ่านมามีความพยายามเชื่อมโยงกล่าวหาผ่านสื่อ อดีตผู้ใหญ่ก็ออกมาพูด ตนเห็นว่าภาคประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวโดยบริสุทธิ์ใจ และกล้าออกมาคัดค้านรัฐบาลทหารก็เพราะคนเหล่านี้เชียร์ทหารให้ปฏิวัติ
เราก็พยายามปรับแก้ให้เท่าที่เป็นไปได้ ขณะเดียวกันก็ไม่ได้มีเจตนาทำร้าย ปตท.
พล.อ.สกนธ์ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เรามีกฎหมายปิโตรเลียม ซึ่งมีแค่ระบบสัมปทานเพียงอย่างเดียว ทั้งๆที่ทั่วโลกเปลี่ยนไปหลายวิธีแล้ว และจากการศึกษาก็พบว่าระบบสัมปทานยังเหมาะสมอยู่ แต่ก็ควรมีวิธีอื่นเข้ามาด้วย เช่น ระบบแบ่งปันผลผลิต เจ้าหน้าที่รัฐไปร่วมทำงานกับเอกชน เพื่อที่จะได้รู้ว่าพลังงานออกมาเท่าไรจะได้แบ่งปันก็ตามสัญญาและเป็นไปตามเงื่อนไข และอีกวิธีคือสัญญาจ้างบริการ แต่ร่างที่รัฐบาลเสนอมา กำหนดให้เป็นสัญญาจ้างสำรวจและผลิต ซึ่งส่วนตัวคิดว่าไม่สมบูรณ์จึงรับไม่ได้ ซึ่งถ้าจะเลือกใช้ทั้งระบบแบ่งปันผลผลิตและการจ้างบริการ จะต้องตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติขึ้นมาดำเนินการ ซึ่งจะต้องใช้เจ้าหน้าที่มาก จึงเสนอเป็นแผนระยะยาวไม่ใช่ทำทันที แต่มี การกล่าวหาว่าตนจะพยายามดึงกลับไปให้ทหาร โดยให้กรมพลังงานทหารมาเป็นแกนนำหลัก ซึ่งตนไม่เคยพูด ซึ่งเป็นความพยายามที่จะโยงว่าจะดึงกลับไปให้ทหารเหมือนในอดีด ซึ่งตนไม่เขลาพอที่จะทำร้ายประเทศชาติ
มีความพยายามโยงการกระทำกับพวกผม 6 คน จริงๆ มันไม่ใช่ กรรมาธิการฯ ได้ใช้เวลายาวนานในการพิจารณา เราได้ปรับแก้ร่างกฎหมาย ด้วยการเปลี่ยนชื่อระบบแบ่งปันผลประโยชน์ให้ถูกต้องจากคำว่า สัญญาจ้างสำรวจและผลิต มาเป็นสัญญาจ้างบริการ ขณะเดียวกัน เรายังได้นำมติครม.มาเพิ่มเป็นมาตรา 10/1 ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ ซึ่งผมไม่ได้ขอขึ้นไป แต่ทางรัฐบาลคงทราบจากหลายสื่อจึงคิดว่าสำคัญ เมื่อครม.มีความต้องการแบบนี้ ก็เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องไปชี้แจงว่าบรรษัทน้ำมันแห่งชาติจำเป็นอย่างไร โดยรูปแบบก็กำหนดว่าถ้ามีความพร้อมก็ค่อยตั้ง แต่ก็มีความพยายามและกดดันให้ถอนร่างออก กล่าวหาอย่างโน้นอย่างนี้ จะดึงทหารเข้ามาเกี่ยว จึงได้ปรึกษากับเพื่อน กรรมาธิการทุกคนแล้วว่าจะไม่สนใจกับคำพูดเหล่านี้" พล.อ.สกนธ์ กล่าว
อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/900410
อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/900410
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น